รีวิว Horizon Forbidden West ฝ่ามหันตภัยแดนจักรกล เกมดีต้องมีรีวิว
รีวิว Horizon Forbidden West ภาคใหม่ล่าสุด จากการหายหน้า ไปนานกันถึง 5 ปี ดำเนินต่อเนื่องจากภาค Zero Dawn ที่จะทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง
รีวิว Horizon Forbidden West ภาคต่อที่สมควรแก่การรอคอย
แฟน ๆ เหล่าสาวกเกมเมอร์ คงจะหายคิดถึง กันสักที่ตั้งแต่เกมแรก ได้ทำการเปิดตัว แฟรนไชส์เกมโลกเปิด RPG ของเกม PlayStation ในปี 2017 Horizon Zero Dawn ได้วางจำหน่ายแบบ Exclusive มาเป็นเวลา 5 ปีเต็ม เกม IP ใหม่ในบ้านของ Sony ที่มีทีมงานเบื้องหลังอย่าง Guerrilla Games เป็นผู้รังสรรค์ สุดยอดผลงาน
ทีมงานของค่าย Sony ได้เพิ่มฐานผู้เล่นเกม ด้วยการเพิ่มแพลตฟอร์ม ให้เกมสามารถเล่นใน PC ได้สำหรับในภาคแรก หลังจากที่ในภาคแรก Horizon Zero Dawn นั้นมีเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ จากทั้งฝั่งสื่อ และฝั่งเกมเมอร์ ในที่สุดก็เตรียม ปล่อยเกมในภาคที่ 2 ออกมาให้เราได้เล่นกัน ให้หายคิดถึงแล้ว
หลายปีผ่านไป เหตุการณ์ในเกมภาค 2 นี้ ที่แฟนเกมต่างเฝ้ารอ เริ่มต้นขึ้นเพียง 6 เดือนหลังจากภาคแรกเท่านั้น การกลับมาของ Aloy ตัวละครหลัก ที่ต้องออกเดินทาง ไปยังเขตแดนตะวันตก ซึ่งในอดีตมันคือ แผ่นดินของเขต ทะเลทรายยูทาห์ โรคระบาดลึกลับ ที่มาในรูปแบบ ของพืชพรรณสีแดง เริ่มลามเข้ามา ในแผ่นดินเรื่อย ๆ
เมื่อตัวละครเอกของเกม “เอลอย” (Aloy) หลังจากที่เขา ได้จัดการกับ HADES ได้สำเร็จ เขาต้องหาหนทาง ในการแก้ไข และช่วยโลกใบนี้เอาไว้ จากการเกิดโรค ระบาดลึกลับขึ้น ที่ฆ่าทุกอย่าง ถ้าหากติดเชื้อมันเข้าไป Aloy ได้พาพวกเรา เดินทางไปยัง โลกอนาคต ที่เต็มไปด้วยอันตราย
ระบบการเล่น Gameplay ที่ดูคล้ายภาคเดิม แต่กลับเพิ่มเติมได้สุดยอด
รูปแบบการควบคุม ของเกมนี้นั้น ยังเทพเหมือนเดิม นอกจากว่ามัน จะสนุกเหมือนเดิมแล้ว ยังมี UI แบบที่คล้ายกันด้วย มันก็ยังต่อยอด ให้สนุกมากกว่าเดิม ได้จากภาคแรก ซึ่งผู้เล่นเดิม ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ อะไรใหม่เลย เรียกได้ว่าเป็น การพัฒนาที่แท้จริง ที่เพิ่มความสะดวก มาให้มากมาย
แตกต่างจากเกมอื่น ๆ การคราฟต์ไอเทม ด้วยเมนูลัด ทางด้านซ้ายล่าง ระบบ Skill Tree ที่มีการเพิ่มทักษะใหม่ ๆ เข้ามาให้เราเลือก อัปเกรดความสามารถ เกมอื่น ๆ ที่พอเวลามีภาคต่อ ก็แค่เปลี่ยนเนื้อเรื่องแต่ Gameplay ยังคล้าย ๆ ของภาคเดิมอยู่
ความหลากหลายนั้น ไม่ได้มีเพียง เรื่องระบบการควบคุม แต่ในภาคนี้มันได้ “เติมเต็ม” ความสามารถของ Aloy เข้าไปให้สุด Mobility หรือระบบการเคลื่อนไหวของ Aloy มีการขยับขยายกว่าปกติ เช่นการดำน้ำ เมื่อดำน้ำลงไป เราจะเห็นโลกใต้น้ำ มีปะการัง หรืออะไรหลายอย่าง
และมันก็เพิ่ม กลยุทธ์การต่อสู้ ให้กับเราด้วย โดยใส่สกิลพิเศษ เข้ามาตามประเภท ของอาวุธที่เราใช้ และมีหลายสกิลมาก ๆ ผู้เล่นสามารถเลือก ใช้ให้เข้าเกม สไตล์การเล่น ของแต่ละคนได้ ในกรณีที่ต้อง ไปทำภารกิจ ที่มีแอ่งน้ำ ก็อาจจะซุ่ม เพื่อดูท่าที ของอีกฝ่ายได้
นอกจากนี้เรา ก็มีเครื่องร่อนให้ใช้ อีกทั้งยังมาพร้อม กับอาวุธใหม่ ๆ พร้อมกับหุ่นยนต์ชนิดใหม่ ๆ มากมายมาให้เราต่อสู้ นอกเหนือจากการ โจมตีแบบลอยฟ้า และได้ชมทิวทัศน์ เบื้องสูงสวย ๆ เรียกได้ว่าไม่มีเบื่อ มันทำให้เล่น Story ยันจบเกมได้
กราฟิกของเกม Next-Gen แบบโอเพ่นเวิลด์ กับฟังก์ชันจาก DualSense จะเป็นอย่างไร ?
ในภาคนี้สามารถ เล่นได้ทั้งใน เกมPlayStation 4 และ PlayStation 5 ที่เหมาะสมกับคำว่า Next-Gen มันเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าเกม Cross-gen เก่า ๆ อย่างชัดเจน เริ่มกราฟิกกับ ศักยภาพเกม ที่คมกริบและลื่นไหล งานกราฟิกละเอียดยิบ เผลอ ๆ อาจเป็นเกมที่มี งานภาพน่าทึ่ง ที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา
ต่อให้เล่นบนโหมด Performance ที่ลดประสิทธิภาพกราฟิกแล้ว งานภาพที่ได้ออกมา ทั้งฉาก, ดีเทลตัวละคร ไปจนถึงแสงสี และเอฟเฟกต์ผิวน้ำ, ใต้น้ำ มันสวยหมดจด เกมก็ยังมีงานภาพที่โดดเด่น ให้เราได้เห็น ต้นไม้พลิ้วไหว เอฟเฟคแม่น้ำ ที่ดูสมจริง จนเราอยากจะ กระโจนลงไป
สำหรับเกมแบบ โอเพ่นเวิลด์ ที่มีภาพสวยงาม และสวยสมจริง ในเกรดเดียวกัน กับเกมอย่าง Ratchet & Clank: Rift Apart หรือ Uncharted : Legacy of Thieves Collection ฉากสวยงามอลังการ และบรรดาคัตซีนต่าง ๆ ที่มีให้เห็น ไม่ว่าคุณจะเดินทาง ไปมุมไหนในโลก เกมโอเพ่นเวิลด์
ส่วนฟังก์ชันจาก DualSense เรื่องระบบการดำน้ำ ใต้ทะเลในเกม ที่ทำให้เรารู้สึก ถึงความหนืดในการดำน้ำ หรือจะเป็นการยิงธนู เราจะได้สัมผัส แรงตึงของสายธนู ที่เป็นจุดเด่นหลัก ของเกมแบบเต็มมือมาก ๆ ลองจินตนาการ ภาพดูถึงการ ปล่อยคันแล้วมันตึงมือ เด้งกลับดังผึง แบบนั้นเลยละ
ถือว่าเป็นเกมภาคต่อ ที่ดีสมการรอคอยมา 5 ปี เป็นอีกเกมหนึ่ง ที่คุณไม่ควรพลาด !!
โปรดติดตาม Heir of Light และ รีวิวเกม ได้ที่นี่ที่เดียว @UFA-X10